วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การเคลื่อนกล้อง

การเคลื่อนกล้อง

              ภาพยนตร์มีความแตกต่างจากภาพนิ่ง 2 ประการ คือ นอกจากสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้แล้ว ยังสามารถเคลื่อนที่ไปได้ด้วยการเคลื่อนกล้องในขณะถ่ายทำ แม้มีความยุ่งยากซับซ้อนและเสียเวลามาก กว่าการตั้งกล้องถ่ายนิ่ง ๆ (Static Shot) แต่ทำให้หนังมีความโดดเด่นทางด้านอารมณ์สูง จุดประสงค์หลักของการเคลื่อนกล้อง คือ ติดตามผู้แสดง เป็นการเชื่อมกันระหว่างสองความคิด และยังเป็นการสร้างอารมณ์ที่ทรงพลัง ถ้าหากใช้การเคลื่อนไหวกล้องแทนมุมมองของผู้แสดง

การเคลื่อนไหวกล้อง มี 4 ลักษณะ คือ
การแพน (Panning)
การแทรค (Tracking)
การเครน (Craning)
การถือกล้องถ่าย (Handheld Camera)
การแพน (Panning)

           การแพนเป็นการเคลื่อนไหวกล้องที่ง่ายที่สุด คือ เฉพาะที่ตัวกล้อง จำกัดอยู่บนขาตั้งที่อยู่กับที่ กล้องมิได้เคลื่อนย้ายออกไปจากตำแหน่งเดิม ซึ่งแตกต่างไปจากการเคลื่อนกล้องในลักษณะอื่น และไม่ต้องเตรียมการมาก หรือต้องใช้อุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเหมือนกับการแทรค (Tracking) หรือการทรัค (trucking)  และ การเครน (Craning)
การแพนเป็นการเคลื่อนกล้องในแนวนอนจากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้ายได้มากถึง 360 องศา และเช่นเดียวกัน กล้องอาจแพนในแนวดิ่งหรือที่เรียกว่า การทิลท์ (Tilting) กล้องจะทำมุมสูงและมุมต่ำกับซับเจ็คได้ 45 องศา หรือเงยสูงได้ถึง 90 องศา

การแพนกล้อง ครอบคลุมบริเวณพื้นที่โล่งกว้าง มักใช้กับช็อตเปิดเรื่องหรือ Establishing shot เป็นลักษณะการแพนช้า ๆ ครอบคลุมพื้นที่ เช่น ทิวทัศน์ ท้องทุ่ง ทะเลทราย ซึ่งแสดงถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของอาณาบริเวณของพื้นที่ที่ใหญ่เกินกว่าเฟรมจะครอบคลุม ส่วนการแพนในแนวตั้งหรือการทิลท์ (Tilting) ทำมุมต่ำ (tilt down) หรือทำมุมสูง (tilt up) ให้ความรู้สึกของความสูง เช่นการทิลท์ขึ้นไปที่อาคาร หรือตึกระฟ้าที่สูง ให้ความรู้สึกสูงตระหง่านของตัวอาคาร หากทิลท์ลงมาก็อาจให้ความรู้สึกหวาดเสียวในความสูงได้ โดยทั่วไปการแพนกล้องเพื่อให้ติดตามแอ็คชั่นได้ทั้งในบริเวณที่คับแคบจำกัด หรือบริเวณที่กว้างใหญ่กว่าเฟรมจะครอบคลุมได้ เพื่อเป็นการรักษาซับเจ็คให้อยู่ในกรอบภาพที่เหมาะสมและสมดุล เช่น ในฉากที่ตัวแสดงเคลื่อนที่ไปมา ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบภาพ ไปหลุดไปจากกรอบ

การแพนแม้จะไม่ทำให้เปอร์สเปคตีฟของภาพเปลี่ยนไปเหมือนการแทรค การเครน หรือการใช้ hand-held ก็ตาม แต่การแพนก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้รวดเร็วกว่าการเคลื่อนกล้องลักษณะอื่น เช่น การแทรคและการเครน ซึ่งทั้งสองประการหลังนี้กล้องต้องเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมและต้องใช้คนช่วย เช่น การแพนจากซับเจ็คหนึ่งไปยังอีกซับเจ็คหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร การแพนอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในขณะที่การแทรคต้องใช้เวลาที่นานกว่าจึงสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้เท่ากัน และยังต้องใช้คนและอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกมากมายในการทำงาน
การแพนและการทิลท์จึงใช้ในกรณี
1.  เพื่อครอบคลุมพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วในเฟรมเดียว หรือ fixed frame
2.  ใช้ติดตามแอ็คชั่นของผู้แสดง
3.  ให้เชื่อมจุดสนใจของภาพ
4.  ให้ความหมายของการเชื่อมระหว่างจุดสนใจของภาพตั้งแต่ 2 จุดขึ้นไป
ความสำคัญของการแพนกล้องไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความเร็วของการแพนเท่านั้น หากแต่ต้องอาศัยเลนส์ในการรับภาพเพื่อให้เกิดความรู้สึกพลังของการเคลื่อนไหวอีกด้วย การเลือกใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวจะช่วยเพิ่มการรับความรู้สึกที่รวดเร็วของซับเจ็คที่พุ่งผ่านบริเวณหน้าจอรับภาพ เพราะเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวรับภาพได้เพียงบางส่วนของภาพที่รับด้วยเลนส์มุมกว้าง ดังนั้นการแพนกล้องระยะสั้น ๆ จึงสามารถให้ความรู้สึกเหมือนว่าแพนกล้องได้ไกลมากกว่าใช้เลนส์มุมกว้างแพน เป็นต้น

ผู้กำกับอย่างเช่น Akira Kurosawa ใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวในภาพยนตร์ของเขาหลายเรื่อง เนื่องจากการใช้เลนส์ชนิดนี้จับแอ็คชั่น ทำให้บริเวณตั้งแต่พื้นหน้า (Foreground) พื้นกลาง (Middle Ground) และพื้นหลัง (Background) มีความแตกต่างกันของการเคลื่อวไหวและความลึกของภาพ เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาว เช่น เทเลโฟโต้ จะแยกซับเจ็คและพิ่มความรู้สึกรวดเร็ว เช่น ในฉากที่พวกนักรบหรือซามูไรวิ่งหรือควบม้าผ่านต้นไม้ในป่าก็จะทำให้ส่วนที่เป็นพื้นหลังมีแสงพร่ามัวและเข้ม ขณะที่พื้นหน้า เช่น ต้นไม้ บังหน้าเฟรม ทำให้ภาพกระพริบเป็นจังหวะขณะแพนกล้องซึ่งเน้นให้เห็นการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง

การใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวสำหรับการถ่ายในลักษณะที่มีการแพนกล้องเช่นนี้ ต้องอาศัยคนที่มีความชำนาญในการใช้กล้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพนอย่างรวดเร็วในสภาวะแสงที่ต่ำ ซึ่งทำยาก
การแพนเป็นการนำสายตาคนดูจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง หรือเป็นการเปลี่ยนจุดสนใจ โดยอาศัยการแพนกล้องและทิศทางการเคลื่อนที่ของซับเจ็คเป็นหลัก เช่น ในฉากบาร์ กล้องเปิดช็อตที่บริกรชายถือถาดเครื่องดื่มจากเคาน์เตอร์บาร์ กล้องแพนตามจากซ้ายมาขวาแล้วหยุดที่นางเอกนั่งอยู่โดเดี่ยวเป็นภาพปานกลาง   ส่วนบริกรเดินหลุดเฟรมออกไป             และอีกตัวอย่างหนึ่งเป็นการย้ายจากจุดสนใจหนึ่งมาสู่อีกจุดหนึ่ง โดยอาศัยการเคลื่อนไหวของกล้องและซับเจ็คเป็นหลัก  เช่น  ในตัวอย่างเดียวกัน เมื่อกล้องแพนตามบริกรชายถือถาดจากเคาน์เตอร์บาร์มารับที่ใบหน้าของพระเอกที่เดินสวนมาจากทิศทางตรงข้ามของกล้อง ปล่อยให้บริกรชายเดินหลุดเฟรมไปเช่นเดียวกัน   แล้วแพนต่อเนื่องติดตามแอ็คชั่นของพระเอกจนถึงโต๊ะที่ว่าง  ซึ่งบริกรชายเป็นเพียงซับเจ็คตัวนำจุดสนใจเกี่ยวกับ แอ็คชั่นใด ๆ ของท้องเรื่องหรือในฉากเต้นรำในห้องโถง กล้องอาจแพนจับคู่เต้นรำจากคู่หนึ่งไปอีกคู่หนึ่ง เป็นจังหวะทำให้ได้อารมณ์ของความรื่นเริง ซึ่งการแพนกล้องนอกจากจะสามารถอธิบายสถานการณ์ของฉากและเรื่องได้แล้ว ยังทำหน้าที่คล้ายกับตัวละครตัวหนึ่งอีกด้วย
อัตราความเร็วของการแพนกล้อง ให้ความหมายและความรู้สึกได้ เช่น การแพนอย่างช้า ๆ (slow panning) ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เชื่องช้าหรือเหนื่อยหน่ายได้ ส่วนการแพนอย่างรวดเร็ว (swish pan) ทำให้ภาพพร่ามัวไม่คมชัด  ให้ความหมายของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของกาลเวลาหรือการกลายร่าง เป็นต้น

การแทรค (Tracking)
              การแทรคเป็นการเคลื่อนกล้องจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง ใช้ในการติดตามผู้แสดงหรือสำรวจตรวจตราพื้นที่ (space) ในเนื้อเรื่อง หรืออาจเป็นช็อตที่มีซับเจ็คเดียว หรือซีเควนส์ช็อตที่มีความซับซ้อนที่ต้องการบอกเรื่องราวมากมายพร้อมกับต้องเปลี่ยนสถานที่และองค์ประกอบของภาพที่อยู่ในช็อตที่มีการเคลื่อนไหวไปพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
การแทรคมักติดตั้งกล้องที่ยานพาหนะ เช่น รถยนต์ ใช้ในการติดตามผู้แสดง เช่นในฉากไล่ล่ากัน (chase sequence) หรือใช้ติดตั้งบนดอลลี่ทั้งประเภทล้อและราง
ส่วนการเคลื่อนกล้องเข้าหาผู้แสดงหรือออกจากผู้แสดง เรียกว่าการดอลลี่ คือ dolly in และ dolly out  แต่ในปัจจุบันความหมายระหว่าง dolly กับ track นั้นใช้ปะปนกัน ดังเช่นผู้กำกับบางคนเรียกการเคลื่อนกล้องที่ใช้ยานพาหนะพาไป เช่น รถยนต์ รถจักรยาน เป็นดอลลี่ช็อต หรือแทรคกิ้งช็อต (tracking shot หรือ traveling shot) ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อความเข้าใจของทีมงาน
แทรคกิ้งช็อต เป็นการเคลื่อนกล้องที่มีลักษณะพิเศษ ได้เปรียบกว่าการเคลื่อนกล้องที่อยู่กับที่ กล่าวคือ เราสามารถ  ถ่ายแอ็คชั่นและพื้นที่ของฉากให้เห็นรายละเอียดได้มากกว่า และยังเป็นช็อตที่รักษาอารมณ์ของคนดูได้ยาวนานอีกด้วย เช่น ในฉากตลาดที่ทีคนเดินซื้อของมากมาย หากใช้กล้องอยู่ในตำแหน่งท่ามกลางผู้คนเป็นการเข้าไปอยู่ในแอ็คชั่น (in the action) กล้องทำหน้าที่คล้ายเป็นส่วนหนึ่งของแอ็คชั่น แต่ถ้าตั้งกล้องอยู่ด้านนอกตลาดเห็นเดินไปมา เป็นการเฝ้าสังเกตแอ็คชั่นโดยรวม ดังนั้น ข้อได้เปรียบของการแทรคกิ้งช็อต คือ ทำให้เราสามารถพากล้องไหลเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์และออกมานอกเหตุการณ์หรือแอ็คชั่นได้ในขณะเดียวกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดภาพ ใช้เป็นโครงสร้างของเนื้อเรื่องได้หลากหลายมากขึ้น และนอกจากนี้แทรคกิ้งช็อตยังเป็นตัวดึงเวลาของช็อตให้ยาวนานขึ้น เป็นการรักษาอารมณ์ของคนดูให้ต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถเน้นหรือเปลี่ยนอารมณ์คนดูได้ภายในช็อตเดียวกัน ต่างจากการตั้งกล้องอยู่กับที่โดยใช้การแพน หรือการเปลี่ยนภาพจากขนาดใกล้เป็นไกล หรือจากไกลเป็นใกล้ ซึ่งเป็นเพียงการเพิ่มหรือลดความสำคัญของซับเจ็คในช็อตเท่านั้น และยังไม่สามารถดึงเวลาของช็อตให้ยาวนานขึ้นพร้อมกับรักษาจุดสนใจของภาพไปในขณะเดียวกันด้วย
การแทรคกล้องต้องมีการวางแผนการทำงาน ซึ่งอาศัยหลักสองประการคือ หนึ่ง ความสัมพันธ์ของกล้องที่เคลื่อนกับแอ็คชั่น และสอง คือระยะห่างระหว่างกล้องกับซับเจ็ค ทั้งสองประการนี้ เป็นหนึ่งในหลายวิธีการของการ “แตก” ช็อตของแต่ละซีนในบทภาพยนตร์ กล่าวคือ การกำหนดช็อตของแต่ละฉากที่มีการเคลื่อนไหวนั้น ต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่า ฉากนั้นมีมุมมองอย่างไร และอารมณ์ที่เหมาะสมระหว่างคนดูกับผู้แสดงว่าจะอยู่ห่างกันเท่าไร ซึ่งเราพอจะมีภาพเคลื่อนไหวอยู่ในหัวบ้างแล้วหลังจากได้อ่านบทครั้งแรก ดังนั้น การวางแผนนี้ จะช่วยให้เราสามารถเน้นสิ่งสำคัญที่ต้องการนำเสนอในช็อตนั้นได้ดังที่เราจินตนาการไว้ นอก จากนี้ยังช่วยให้เราสามารถถ่ายครอบคลุมฉากที่มีบทสนทนาและแอ็คชั่นที่ซับซัอนให้ง่ายขึ้น
              การแทรคกล้องเป็นการเผยให้เห็นซับเจ็คหรือแอ็คชั่นและสถานที่อย่างช้า ๆ โดยเน้นเฉพาะจุดสนใจในฉากนั้น ๆ และนอกจากนี้ภายในช็อตเดียวกันกล้องยังสามารถเปลี่ยนขนาดภาพจากใกล้ (close-up) เปิดให้เห็นมุมกว้างขึ้น หรือขณะเดียวกัน จากภาพขนาดไกล กล้องค่อย ๆ เน้นให้เห็นรายละเอียดใกล้ขึ้น แต่ในทางปฏิบัติกล้องสามารถแทรคได้อย่างอิสระ ไม่ว่าทางตรง แนวโค้ง เลี้ยวทำมุมเป็นวงกลม เดินหน้า และถอยหลัง ผ่านประตูหน้าต่าง ตลอดจนเปลี่ยนความเร็วของแทรคภายในช็อตก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน
1.  การแทรคกล้องให้มีความเร็วเท่ากับการเคลื่อนที่ของซับเจ็ค 
การแทรคกล้องวิธีนี้นิยมใช้กัน เรามักเห็นและคุ้นเคยในหนังส่วนใหญ่ที่ใช้ติดตามผู้แสดงหลักประมาณ 2-3 คน ด้วยความเร็วเท่ากัน โดยรักษาระยะห่างระหว่างกล้องและซับเจ็คเท่ากัน ส่วนตำแหน่งกล้องสามารถวางไว้ด้านหน้า ด้านหลัง หรือคู่ขนานเยื้องด้านหน้าหรือด้านหลังก็ ได้โดยใช้ขนาดภาพเต็มตัวปานกลาง หรือภาพใกล้ตามความเหมาะสม เช่น ในฉากที่ใช้กันบ่อย ๆ คือฉากสนทนากันในรถ ในเรือ บนหลังม้า หรือในยานพาหนะอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากแอ็คชั่น หรือ chase sequence จะได้ผลมากเมื่อติดตั้งกล้องไว้ที่กระโปรงรถหรือด้านข้างประตูรถให้เคลื่อนพร้อมกับซับเจ็คที่วิ่งเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
              การแทรคกล้องลักษณะนี้คล้ายกับประการแรก แต่มีข้อแตกต่างอยู่ที่กล้องมีความเร็วไม่เท่ากับซับเจ็ค โดยซับเจ็คเคลื่อนที่เข้าหากล้องหรือซับเจ็คถูกปล่อยทิ้งไว้ด้านหลังขณะที่กล้องแทรคเลยหน้าไป วิธีนี้จะช่วยให้ตากล้องสามารถปล่อยให้ซับเจ็คเข้าออกเฟรมได้ในขณะที่กล้องกำลังแทรคอยู่ เช่น ในฉากวิ่งแข่ง เราสามารถแทรกกล้องให้เร็วกว่านักวิ่ง แล้วผ่านเลยขึ้นหน้าไปโดยที่ไม่ตัด ถ้าหากใช้ในฉากแอ็คชั่นจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการแทรคธรรมดาที่คู่ขนานกับซับเจ็ค เพราะภาพจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลาภายในช็อตเดียวกันตั้งแต่แอ็คชั่นของซับเจ็ค ระยะของเปอร์สเปคตีฟทั้งหมดจะมีพลังความเคลื่อนไหวที่กำลังผ่านเฟรมของกล้องไป เท่ากับเป็นการตรึงความเร้าใจของคนดูมากกว่าการแทรคที่มีความเร็วเท่ากับการเคลื่อนที่ของซับเจ็ค
นอกจากการแทรคกล้องที่มีการเคลื่อนที่ของซับเจ็คด้วยแล้ว ยังมีการแทรคเข้าหาหรือออกจากซับเจ็คด้วย การแทรคกล้องชนิดนี้มักเรียกว่า การดอลลี่เข้า (dolly in)  และดอลลี่ออก (dolly out) ผลจากการเคลื่อนกล้องลักษณะนี้ทำให้เกิดการเน้นและการลดความสำคัญของซับเจ็คในภาพ เช่น 
การดอลลี่เข้าไปที่ใบหน้าของตังแสดง ใช้สำหรับเน้นความรู้สึกบางอย่างของตัวละครในช่วงขณะ หนึ่ง เช่น ในฉากหนึ่งที่พระเอกแอบรักหลงไหลในนางเอกในห้องเรียน กล้องค่อย ๆ ดอลลี่เข้าหาพระเอกเป็นภาพขนาดใกล้ที่กำลังแอบมองนางเอกอยู่อย่างเงียบ ๆ เป็นต้น 
ในทางตรงกันข้าม การดอลลี่ออกจากซับเจ็ค นอกจากหมายถึงลดความสำคัญของซับเจ็คแล้ว ยังหมายถึงการจากไปหรือการทิ้งให้อยู่ข้างหลังอย่างโดดเดี่ยวได้อีกด้วย เราพบเห็นตัวอย่างในหนังบ่อยมากในฉากชานชาลา สถานีรถไฟที่คู่รักต้องพลัดพรากจากกัน หรือแม่ต้องพลัดพรากจากลูก โดยให้กล้องติดอยู่บนรถไฟ ค่อย ๆ แล่นออกไป ตัวละครที่อยู่บนชานชาลาต้องถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ตามลำพัง
การแทรคกล้องลักษณะนี้อาจเรียกว่าการดอลลี่รอบตัวซับเจ็ค ซึ่งต้องอาศัยรางดอลลี่โค้งเป็นวงกลม โดยมีผู้แสดงอยู่ตรงกลาง ตัวอย่างฉากที่พบมาได้แก่ ฉากเต้นรำ โต๊ะสนุ๊ก และโต๊ะประชุมที่มีคนนั่งรอบ ๆ เป็นต้น ซึ่งเมื่อกล้องดอลลี่ช้า ๆ ของโต๊ะประชุมในฉาก อาจช่วยเผยให้เห็นใบหน้าของตัวละครทีละตัวสร้างความน่าสนใจในภาพยนตร์ได้มาก

การเครน (Craning)
              การเครน คือ การถ่ายภาพที่กล้องตั้งอยู่บนแขนของดอลลี่ขนาดใหญ่ เรียกว่า cherry picker หรือ crane truck สามารถเคลื่อนที่ได้หลายทิศทาง ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง โดยเคลื่อนกล้องให้สูงขึ้น เห็นเป็นภาพมุมกว้างต่อเนื่องกัน หรือลดให้กล้องต่ำลงรับแอ็คชั่น

ภาพที่ได้จากการเครนกล้องให้ความรู้สึกที่สง่าผ่าเผย ตรึงความสนใจของคนดู ทำให้ลืมซับเจ็คไปชั่วขณะ เพราะความตะลึงในมุมมองที่แปลกและระยะภาพที่กำลังเปลี่ยนไป
ในภาพยนตร์ประเภท Epic ของฮอลลีวู้ด มักใช้เป็น establishing shot เป็นการเปิดฉากแรกเริ่มเพื่อเน้นความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าและแสดงลักษณะแวดล้อมของภูมิทัศน์ไปในเวลาเดียวกัน และถ้าหากเคลื่อนกล้องผ่านเข้าในพื้นที่ (space)  ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกทะลุมิติของความลึกอีกด้วย
การใช้เครนช็อตมักเสียเวลาในการถ่ายทำ ดังนั้นควรมีการวางแผนและเตรียมการอย่างระมัดระวัง บางครั้งต้องมีการใช้หุ่นจำลองของฉากเพื่อวางแผนการเครนและการเคลื่อนที่ของกล้อง ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบฉาก สามารถหมุนและมองเห็นได้ทุกมุม ทั้งสูงและต่ำ ช่วยเป็นแนวทางให้มองเห็นภาพการเครนก่อนลงมือถ่ายทำได้เป็นอย่างดี

การถือกล้องถ่าย (Handheld Camera)
              การถือกล้องถ่ายภาพเป็นการเคลื่อนที่กล้องที่ทำให้ภาพไหวอยู่ตลอดเวลา  ลักษณะเป็นการถ่าย ภาพที่ไม่เป็นแบบแผนเหมือนการเคลื่อนกล้องแบบอื่น ๆ ซึ่งให้ความรู้สึกว่าคนดูอยู่ ณ ที่นั้น หรือมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น โดยใช้กล้องถ่ายทอดความสับสนอลหม่าน ฉุกเฉิน รวดเร็วของแอ็คชั่น แต่อย่างไรก็ตาม การถือกล้องถ่ายภาพหากใช้ไม่ถูกกาละเทศะ อาจเป็นตัวทำลายภาพยนตร์ได้

               การถ่ายภาพด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมกันมาช้านาน และใช้กันมากในภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์ทดลอง จนกระทั่งนำมาใช้ในภาพยนตร์บันเทิงด้วย กล่าวคือ ในปีทศวรรษที่ 1950 ได้มีการพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์ตลอดจนเครื่องบันทึกเสียงสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายกองถ่ายไปสะดวกเกือบทุกสถานที่และสภาวะแวดล้อม ส่วนภาพยนตร์ทดลองที่ดี ๆ หลายเรื่องก็ใช้การถือกล้องถ่ายภาพเพื่อเป็นการหลีกหนีความจำเจ และการถ่ายทำรูปแบบดั้งเดิมตายตัว แสวงหาความแปลกใหม่และถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์บันเทิง เพราะให้ภาพของความรู้สึก สด ในการจับแอ็คชั่นที่เกิดขึ้น เช่น    ในฉากระเบิดหรือเครื่องบินทิ้งระเบิด เห็นไฟลุกควันฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งภาพที่ฝูงชนวิ่งหนีสับสนอลหม่าน เพื่อให้เกิดความสมจริงและเห็นอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น